
จดหมายดังกล่าว ระบุว่า "ถึงบ้านเจ้าของหมา 400/50 เนื่องด้วยชุมชน... เป็น ชุมชนที่มีประชากรอยู่ด้วยกันจํานวนมาก เพราะฉะนั้น จึงขอความเห็นใจคนที่เป็นเจ้าของหมา ช่วยดูแลจัดการอย่าง เด็ดขาด เพราะหมาของคุณนั้น ส่งเสียงร้อง เห่าเสียงดังมาก รบกวนการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของลูกบ้าน...

คุณต้องเข้าใจว่าหมาของคุณมันไม่น่ารักสําหรับทุกคน อยากให้คุณมีสามัญสํานึกของความเป็นคน เพราะลูกบ้านแต่ละคนต้องการพักผ่อนและความสงบ แต่หมาของคุณนั้น ทั้งร้องทั้งเห่าทั้งหอนทั้งวันทั้งคืนทําให้เกิดความอึดอัด เครียด ไม่สบายใจ รบกวนการใช้ชีวิตประจําวันเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ฟัง หรือว่า ไม่ให้ความร่วมมือ ทางพวกกูก็จะจัดการฆ่าหมาของมึง มึงคงคิดออกนะว่าพวกกูจะใช้วิธีการใด กูหวังว่า มึงคงจะให้ความร่วมมือและจัดการชีวิตของหมาของมึงให้ดี ให้เรียบร้อย อย่าให้สร้างปัญหาและภาระให้กับคนอื่น และการรบกวนใด ๆ อีกต่อไป มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกกูใจร้าย (มีสมองก็หัดเกรงใจคนอื่นซะบ้างจะไม่ได้เป็นภาระของสังคม)"
ขณะเดียวกัน นอกจากเรื่องที่ต้องแก้ไขปัญหาการเลี้ยงสุนัขแล้ว เพื่อความสบายใจก็ควรจะไปแจ้งความไว้ด้วย รวมทั้งต้องปรึกษานิติหมู่บ้านให้ช่วยประสานไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ป้องกันเรื่องราวที่จะบานปลายไปมากกว่านี้



ต่อมาทางเจ้าของโพสต์ ได้ตอบกลับบางคอมเมนต์ว่า "รบกวนคนที่คอมเมนต์นะคะ เราได้ถามบริเวนรอบบ้านเค้าแจ้งว่าน้องเห่าเป็นบ้างครั้ง ไม่ได้เห่าเอาเป็นเอาตายนะค่ะ แล้วเราเเก้ไขปัญหาตลอด จนสุดท้ายตัดสินใจนำน้องลงกรุงเทพ แล้วพื้นที่บ้านที่กรุงเทพเป็นบ้านหลัง มีพื้นที่ แล้วตั้งแต่น้องถึงน้องไม่มีเห่าเลยค่ะ คนเราต่อว่าตักเตือนกันได้แต่ไม่ควรมาข่มขู่ฆ่ากันรึเปล่าค่ะ" ขณะที่ในเฟซบุ๊กของเจ้าตัว ก็ได้มีการโพสต์ภาพล่าสุดของน้องหมา และอัปเดตด้วยว่า "ตอนนี้เด็ก ๆ ได้ย้ายมาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้วนะคะ มีพื้นที่ให้วิ่งเล่นสบาย ๆ"


