อุทาหรณ์ลูกจ้าง ลาออกไม่บอกล่วงหน้า นายจ้างรับ 1.3 ล้าน ค่าปรับ-ค่าเสียหาย

           อุทาหรณ์ลูกจ้าง ลาออกไม่บอกล่วงหน้า จ่ายค่าปรับ-ค่าเสียหาย 1.3 ล้าน นายจ้างรับเต็ม ๆ ย้ำนายจ้างทำสัญญารัดกุม ไม่ขัดกฎหมาย ส่วนลูกจ้างต้องรู้หน้าที่
ลาออกไม่บอกล่วงหน้า โดนนายจ้างฟ้อง
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           เป็นอีกกรณีเตือนใจ สำหรับการที่ลูกจ้างลาออก โดยไม่บอกล่วงหน้า หากใครที่คิดว่าไม่ต้องกลัว นายจ้างฟ้องไปก็ไม่ชนะ นายจ้างพิสูจน์ความเสียหายได้ยาก หรือแม้แต่คิดว่า สัญญาจ้างไม่สามารถกำหนดให้บอกกล่าวก่อนออกได้เกิน 30 วัน ออกได้เลย ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ทนายยิ่งพร อินทร์ศรีชื่น หรือ ทนายฝ้าย ได้ยกคำพิพากษาของศาลในกรณีดังกล่าว มาเป็นอุทาหรณ์เตือนใจลูกจ้าง ผ่านทางเพจ คลินิกกฎหมายแรงงาน
 

           โดยระบุว่า ในคดีนี้ฝ้ายเป็นทนายของฝั่งนายจ้าง ซึ่งทำสัญญาไว้รัดกุม ในกรณีที่ลูกจ้างในตำแหน่งหนึ่ง (ซึ่งเป็นตำแหน่งสูง) จะลาออกต้องบอกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งลูกจ้างก็ยังอยู่ในระบบท่องจำว่า ลาออกไม่ต้องบอกล่วงหน้าก็ได้ โดยไม่ได้เบิ่งตาดูมาตรา 17 ว่านายจ้างสามารถกำหนดได้ ก็ได้ทำการลาออกไปเลย เพราะคิดว่ากฎหมายแรงงานก็คุ้มครองลูกจ้างอยู่แล้ว ประกอบกับรับ Fake news เข้าไปเยอะ แต่ไม่ได้รับรู้ถึงหน้าที่เลย ก็ลาออกไปแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้ผิดอะไรเลย นายจ้างไม่มีความเสียหายสัญญาบังคับใช้ไม่ได้

           แต่บังเอิญว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิทานเลยไม่ต้องมีบทสรุปว่านิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอะไร เลยขอให้ผลแห่งคดีสอนเขาเอง ว่าคนที่รู้แต่สิทธิ์ของตัวเอง โดยที่คิดว่าตัวเองไม่มีหน้าที่ต่อใคร เลยอยากทำอะไรก็ได้จะต้องชดใช้ค่าเสียหายยังไง..

           ส่วนสุดท้ายก็เป็นไปตามคำพิพากษาที่เอาลงไว้ให้ดู คือจบที่นายจ้างได้ค่าปรับและค่าเสียหายที่นำสืบได้ จำนวน 1,300,000 บาท

ข้อคิดของฝั่งนายจ้างสำหรับใครที่เจอกรณีแบบนี้


           1. ทำสัญญาให้รัดกุม และที่สำคัญต้องสอดคล้องกับหลักกฏหมาย ไม่ใช่สัญญาตามใจฉันเพราะฉันเป็นเจ้าของบริษัท สัญญาจ้างให้มันถูกได้ แต่คุณก็ต้องรู้กฎหมายมากพอ ถ้าไม่รู้ก็จ้าง จะจ้างทนายคนไหนก็ได้ แต่ถ้าทนายคนนั้นเขาอวยคุณไปซะหมดในทุกเรื่องที่คุณพูด ให้ตั้งข้อสงสัยและกลับไปดูข้อกฎหมายซิว่ามันเป็นอย่างที่เขาอวยคุณจริงหรือเปล่า

           2. ไม่ใช่แค่การมีสัญญาจ้างจะได้เป็น 1,000,000 บาท เหมือนนายจ้างท่านนี้ทุกคน แต่เอกสารระหว่างทางที่บอกว่าเราเสียหายให้ปรึกษาทนายและทำเอกสารให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น

           3. ใช้อำนาจแต่พอดี ใช้บารมีแต่พองาม เหมือนกับนายจ้างท่านนี้ เราไปศาลโดยสุจริต + สัญญาดีเอกสารระหว่างทางดี โอกาสแพ้คดีแทบไม่ได้คิดเลย

ข้อคิดสำหรับลูกจ้าง


           1. อ่านเยอะ ๆ ฟังเยอะ ๆ อย่าอ่านและจำเฉพาะเรื่องที่ตัวเองอยากจำให้อ่านข้อมูลความจริงเข้าไปบ้าง

           2. แม้ว่าคุณจะมีสิทธิ์แต่คุณก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ไม่มีใครได้อะไรฟรี ๆ โดยไม่มีหน้าที่ต่อกัน

           3. ถ้ามีความจำเป็นจะต้องออกก่อนครบกำหนดสัญญาก็ให้จากกันด้วยดีคุยกันดีดี อย่าเฟียสให้มาก

           4. ลูกจ้างเงินเดือนไม่ได้สูงมาก เป็นระดับปฏิบัติการก็อย่าคิดว่านายจ้างไม่ฟ้อง อันนี้แนะนำด้วยความหวังดีนะคะ นายจ้างหลายคนไม่ได้ใส่ใจในตัวเงินด้วยซ้ำ แต่อยากให้ฟ้องเป็นคดีที่เป็นเคสให้กับพนักงานคนอื่น ถ้าเกิดว่าเราบอกครบกำหนดได้ก็ควรบอก อย่าวันเดียวแล้วหายเพราะเมื่อไหร่ที่มันมีความเจ็บแค้นคดีมันก็เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เลย  

           ส่วนแฟนเพจฝั่งนายจ้างที่ inbox เข้ามาถามว่าทนายฝ้ายว่าความให้นายจ้างบ้างไหมแล้วชะคดีบ้างไหม ก็เบิ่งเอาค่ะ  ที่ผ่านมาไม่ได้อยากเอาลงเพราะคุณจะรู้สึกดีจริง ๆ หรอคะกับการที่เห็นบริษัทใดบริษัทนึงฟ้องลูกจ้างแล้วชนะโดยตลอดคุณจะรู้สึกอยากร่วมงานกับบริษัทนั้นไหม ?? นั่นเป็นเหตุผลที่ฝ้ายไม่ค่อยเอาคดีฝั่งนายจ้างมาลง แม้ว่าจะทำบ่อยกว่าฝั่งลูกจ้างก็ตาม

           ในส่วนของคดีฝ้ายก็รับทั้งลูกจ้างนายจ้างค่ะ ขอแค่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน คดีไหนที่นายจ้างปรึกษาฝ้าย แล้วถ้าลูกจ้างเค้ามาจ้างฝ้ายก็จะไม่รับ หรือในทางกลับกันคดีไหนที่ลูกจ้างเข้ามาปรึกษา แล้วนายจ้างมาจ้าง ฝ้ายก็ไม่รับเหมือนกัน

           ศาลอื่นฝ้ายก็ไม่รู้หรอกว่าสามารถพูดได้อย่างสบายใจไหมว่าเป็นศาลที่อำนวยความยุติธรรมจริง ๆ เพราะว่าไม่มีเวลาหาความรู้ข้อมูลในศาลอื่น ๆสักเท่าไหร่ แต่กับศาลแรงงานและประเภทคดีที่ฝ้ายทำ ฝ้ายก็มองว่าศาลคุ้มครองผู้สุจริตและทำถูกต้องตามกระบวนการ เน้นว่าทำถูกต้องตามกระบวนการเพราะหลายคนที่สุจริตแต่ขั้นตอนไม่ถูก แพ้คดีมานักต่อนักละ


คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
อุทาหรณ์ลูกจ้าง ลาออกไม่บอกล่วงหน้า นายจ้างรับ 1.3 ล้าน ค่าปรับ-ค่าเสียหาย โพสต์เมื่อ 2 มีนาคม 2568 เวลา 11:49:39 แสดงความคิดเห็น