สารวัตรแจ๊ะ ตามหาหมอผู้มีพระคุณจากโน้ตของพ่อ ช่วยให้รอดชีวิตตอนวัย 4 เดือน

         สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง คนคิดค้น ผงวันดี ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิตตอนป่วยในวัย 4 เดือน ผ่านสายโทรศัพท์
สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร

         วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เพจเฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร โพสต์เล่าเรื่องราวประทับใจของ สารวัตรแจ๊ะ ที่ตามหา กุมารแพทย์หญิง ผู้ชุบชีวิตทารกน้อยเมื่อกว่า 30 ปีก่อนผ่านเสียงโทรศัพท์ จนช่วยให้รอดตายก่อนจะเข้ามาเป็นตำรวจที่คอยช่วยเหลือประชาชนในทุกวันนี้

         ปี 2536 เมืองพิษณุโลก เด็กทารกชายคนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก เมื่อย่างเข้าอายุได้เพียง 4 เดือน ร่างกายทารกน้อยเริ่มป่วยออด ๆ แอด ๆ แม้ว่าจะเข้าโรงพยาบาลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น จนเมื่อย่างเข้าเดือนกันยายน 2536 อาการเด็กน้อยแย่ลงจนเข้าขั้นวิกฤต เนื้อตัวลีบ ถ่ายไม่หยุด 2 กุมารแพทย์ที่เก่งที่สุดในเมืองพิษณุโลกในเวลานั้น ได้พยายามช่วยชีวิตทารกน้อยด้วยการให้น้ำเกลือ ทางขา ทางแขน แต่ก็ไม่สามารถส่งสารอาหารเข้าร่างกายทารกน้อยได้ เพราะเส้นเลือดในร่างกายได้ตีบหมดแล้ว จนต้องตัดสินใจ เจาะหน้าผาก ให้น้ำเกลือผ่านทางกะโหลกเป็นทางสุดท้าย กว่า 1 เดือนที่พยายามช่วยชีวิตทารกน้อยรายนี้ แต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะโรคร้ายพิสดารที่ไม่มีใครไขคำตอบได้ในเวลานั้น

         1 พฤศจิกายน 2536 ค่ำคืนที่คล้ายจะเป็นจุดสุดท้ายของชีวิตทารกน้อย กุมารแพทย์แห่งเมืองพิษณุโลกกล่าวกับพ่อของทารกอย่างกระอักกระอ่วนว่า เราก็สุดความสามารถแล้วคุณพ่อ ประโยคสะท้านทรวงสุดจะบีบหัวใจพ่อ ก่อนจะมองไปที่ร่างทารกน้อย ตัวผอมลีบร่างกายไร้เรี่ยวแรง ใกล้จะไปโลกหน้า ความคิดกรีดร้องใครจะยอมให้ลูกตาย พ่อรีบวิ่งกลับไปถามหมออีกครั้งว่า ยังมีทางไหนที่จะช่วยลูกผมได้บ้าง จนได้คำตอบจากหมอว่า มีหมอคนหนึ่ง ที่วิจัยเกี่ยวกับทารกอยู่ แต่ต้องไปขอร้องเขา เพราะเขาเป็นหมออยู่ที่กรุงเทพฯ ชื่อวันดี กุมารเวช โรงพยาบาลรามามหิดล

สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร

         หลังสิ้นคำตอบพ่อสั่งให้แม่เฝ้าทารกน้อย ก่อนที่ตัวเองจะคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ขับตระเวนรอบเมืองพิษณุโลกเพื่อหา สมุดหน้าเหลือง ด้วยยุค 90’s สมัยที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์มือถือ สมุดหน้าเหลืองจึงเป็นหนทางเดียวในสมัยนั้นที่จะหาช่องทางติดต่อกับโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้ แต่เจ้ากรรมเมื่อเวลานั้นร้านค้าในตัวเมืองได้ปิดหมดแล้ว ต้องตระเวนเคาะเรียกทีละร้านจนกระทั่งโชคเข้าข้าง เมื่อมีอาแปะร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งยังไม่นอน ได้เปิดมาขายสมุดหน้าเหลืองให้ ก่อนจะรีบหาโบกรถรับจ้างเหมาไปยังที่ทำงาน แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ จ.กำแพงเพชร เพื่อจะเข้าไปใช้โทรศัพท์ที่มีอยู่เครื่องเดียวในไซต์งาน กว่าจะถึงก็เป็นเวลาดึกสงัดเสียแล้ว

         ห้วงคืนนั้นพ่อของทารกน้อยต่อสายหาโรงพยาบาลรามามหิดลจากสมุดหน้าเหลือง ผ่านไปหลายสาย หลายแผนก หลายต่อ หลายทอด จนได้เบอร์โทรศัพท์ของออฟฟิศแพทย์หญิงวันดี ทารกน้อยจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พ่อก็ไม่ทราบทำได้เพียงกระหน่ำเฝ้าโทรศัพท์กดโทรไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณหมอวันดีจะมาทำงานที่ออฟฟิศ ช่างเป็นห้วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

         ช่วงเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 แพทย์หญิงวันดี รับสายหลังจากกระหน่ำโทร. ไปตลอดคืน พ่อของทารกน้อยรีบแนะนำตัวก่อนจะแจ้งอาการของทารกน้อยให้ฟังด้วยความร้อนรน แพทย์หญิงวันดี ได้ถามกลับว่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน พ่อรีบตอบกลับไปว่า ผมโทร. มาจากกำแพงเพชร ตอนนี้อยู่ในป่า ถ้าต้องพาลูกไปกรุงเทพฯ จะต้องรอรถเมล์ 2 ชั่วโมง แล้วนั่งไปอีก 2 ชั่วโมง จากกำแพงเพชรเข้าไปที่ จ.พิษณุโลก เพื่อรับลูก และจะพาขึ้นเครื่องบินที่มีวันละ 1 เที่ยว ถึงจะไปถึงกรุงเทพฯ

         แพทย์หญิงวันดีตอบกลับว่า คุณไม่ต้องมา เด็กจะเสียระหว่างทาง หมอจะรักษาผ่านทางโทรศัพท์ เราจะกระตุ้นให้ลำไส้เริ่มกลับมาทำงานก่อนที่เด็กจะเสียชีวิต รีบกลับไปทำตามที่หมอบอก

         จากนั้นได้เริ่มบอก สูตรอาหารผสม และวิธีการรักษาเบื้องต้นให้กับพ่อของทารกน้อย จดทุกสิ่งทุกอย่างลงในกระดาษโน้ตแล้วพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างประณีต ก่อนจะโดดงาน รีบออกจากไซต์งาน ขึ้นรถเมล์มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองพิษณุโลกทันที

สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร

         เมื่อพ่อกลับมาถึงแล้วพบว่าทารกน้อยยังไม่สิ้นใจ รีบนำอาหารผสมสูตรหมอวันดี แกะออกก่อนนำใส่ปากรักษาทารกน้อยตามโพยหมอในทันที แม้ยังไม่เห็นผลทันตา แต่ทารกยังคงสภาพไม่สิ้นใจ เหมือนจะได้ผล พ่อจดทุกอากัปกิริยาของทารกน้อย ก่อนจะรีบโบกรถข้ามจังหวัดกลับไปไซต์งาน เพื่อโทรศัพท์หาหมอ

         การเทียวไปเทียวมา 2 จังหวัด เพื่อรักษาผ่านทางโทรศัพท์ได้เริ่มต้นขึ้น ทุก 7 โมงเช้า ของทุกวัน ตลอด 3 เดือน แพทย์หญิงวันดีจะใช้เวลาทุกเช้าก่อนเข้างาน รอรับสายโทรศัพท์จากพ่อ เพื่อตามติดรักษาอาการ และปรับเปลี่ยนสูตรผสมอาหารตามอาการ จนเด็กทารกน้อย ฟื้นชีพ ดีวันดีคืน ผิวหนังที่เหี่ยวก็กลับมาเต่งตึง หายเป็นปกติในที่สุด

 สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร
 

ตามหาผู้มีพระคุณ


         ทารกน้อยในวัยหนุ่มออกตามหาหมอวันดีที่ โรงพยาบาลรามาฯ แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าท่านได้เกษียณ ไม่ได้มาทำงานเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จนต้องออกตระเวนถามหาบ้าน จนได้มาถึงหน้าบ้านเก่า ๆ สุดสมถะ บรรยากาศสุดเงียบสงบ "มีใครอยู่ไหมครับ" หลังสิ้นเสียงเรียก เงาหญิงชราเคลื่อนไหวราง ๆ เป็นเงาสะท้อนออกมาจากประตูบ้าน ก่อนเปิดออกมาด้วยใบหน้าอันสงสัย

         "มาหาใครคะ" น้ำเสียงหญิงชราอันแสนเมตตาขยับเข้ามาใกล้ ๆ ครั้งได้สบตาอากัปกิริยาสุดแสนใจดี ทำให้ทารกน้อยวัยหนุ่มเข่าทรุดติดพื้น ก้มลงกราบโดยอัตโนมัติ ก่อนบอกกับหมอที่อยู่ในอาการงุนงงว่า "ไม่รู้หมอจะจำผมได้ไหม ผมคือเด็กที่หมอช่วยชีวิตผ่านโทรศัพท์เมื่อ 32 ปีก่อน พ่อผมเล่าให้ฟังตอนผมไปเจอกระดาษโน้ตอันนี้ ที่ท่านบอกสูตรผสมกับวิธีการรักษาให้พ่อผม ทำให้ผมรอดตาย"

         หมอวันดีหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ ก่อนกล่าวว่า "นี่มันสูตรของฉันจริง ๆ ด้วย ขอให้มีความสุขความเจริญนะ แล้วตอนนี้หนูเป็นอะไร" ทารกน้อยวัยหนุ่มกล่าวตอบ "ผมเป็นตำรวจอยู่นครบาลครับ" ก่อนจะถอดเสื้อคลุมสืบนครบาลตัวเก่งให้กับหมอวันดีโดยไม่ลังเล "เสื้อนี้มีค่าสำหรับผมมากครับ ผมขอให้หมอไว้นะครับ ถ้าไม่มีหมอผมคงตายไปแล้ว"

         หมอวันดีคลี่เสื้อดูก่อนบรรจงอ่านตัวอักษรบนเสื้อ และกล่าวว่า "ขอมอบให้ 9 ชีวิตเลยนะ ขอให้ปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่น ๆ นะลูก ขอบใจนะที่คิดถึงกัน" หมอเทวดาในร่างหญิงชราค่อยหันหลังและเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อม ๆ  สายลมที่พัดเบา ๆ  พาใบเอาไม้ปลิวว่อน ภาพเบื้องหน้าความรู้สึกชวนให้ทารกน้อยวัยหนุ่มน้ำตาคลอ เสมือนเวลาได้ถูกหยุดลงที่หน้าบ้านของหมอวันดี
         
         ทารกน้อยจากแดนไกล ปัจจุบันคือ พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือสารวัตรแจ๊ะ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. เกิดมาพร้อมอาการป่วยออด ๆ แอด ๆ และแพทย์ใน จ.พิษณุโลก ได้วินิจฉัยว่าติดเชื้อโรต้าไวรัส แต่การรักษาไม่ดีขึ้นจนสภาพร่างกายลีบแห้ง ใกล้เสียชีวิต เพราะแท้จริงเป็นโรคอุจจาระร่วงจากสารอาหารที่เข้มข้นในลำไส้ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยนั้น แต่ได้รับการรักษาจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวันดี วราวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคนี้โดยตรง ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งได้รักษาด้วยการให้สูตรอาหารผสมที่มีส่วนผสมของเกลือแกงและน้ำตาลทราย ทำให้สารวัตรแจ๊ะจนรอดตายอย่างปาฏิหาริย์เมื่อปี 2536

         ต่อมา แพทย์หญิงวันดี ได้วิจัยพัฒนาจนกลายเป็น ผงวันดี หรือ วันดีรามา ORS หรือที่เรียกว่า ผงน้ำตาลเกลือแร่ สารช่วยทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ ใช้รักษาโรคท้องร่วงเฉียบพลัน ซึ่งคิดค้นมาจากการสังเกตว่าคนไข้โรคอุจจาระร่วงจำนวนมากมักชักและตายอย่างรวดเร็ว เพราะการที่ได้สารน้ำที่เข้มข้นเกินไป ซึ่งการคิดค้นสูตรของ แพทย์หญิงวันดี ผลออกมาเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผล มีการนำเสนอผลงานนี้ทางเวทีวิจัยระดับนานาชาติจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และที่สำคัญท่านได้ช่วยชีวิตคนมามากมาย นับไม่ถ้วน

สารวัตรแจ๊ะ ตามหากุมารแพทย์หญิง ผู้มีพระคุณช่วยให้รอดชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จ๋อแจ๊ะจับโจร
        
         ขอสดุดีจิตวิญญาณ หมอเทวดา แพทย์หญิงวันดี วราวิทย์

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? รอโหลดข้อความของเพื่อน ๆ ด้านล่างนี้สักครู่ แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้เลย !
สารวัตรแจ๊ะ ตามหาหมอผู้มีพระคุณจากโน้ตของพ่อ ช่วยให้รอดชีวิตตอนวัย 4 เดือน โพสต์เมื่อ 1 มีนาคม 2568 เวลา 11:39:12 แสดงความคิดเห็น